วันอังคารที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2558

เหนื่อยนักก็พักก่อน

หลายครั้งที่ผมเดินทางด้วยจักรยาน ผมจะเจอคำถามว่า"ปั่นมาจากไหน?แล้วจะไปไหน?เหนื่อยมั้ย?" มีเพื่อนผมหลายคนมองว่าผมจะปั่นจักรยานทำไมไกลๆให้เหนื่อย ทำไมไม่เอาจักรยานใส่รถยนต์มาแล้วค่อยไปปั่นแถวสถานที่เราไปท่องเที่ยวก็ได้ที่จริงผมทำแบบนั้นก็ได้ครับ แต่ผมชอบที่จะปั่นเดินทางโดยเริ่มต้นล้อหมุนจากหน้าบ้านไม่ใช่จากปากทางที่พัก เพราะมันให้ความรู้สึกว่าเรากำลังปั่นจักรยานท่องเที่ยวจริงๆไม่ใช่เอาจักรใส่รถไปปั่นเล่น

ดังนั้นหากผมเจอคนถามว่าปั่นจักรยานทางไกลแบบนี้ไม่เหนื่อยหรือ หากจะตอบว่าไม่เหนื่อยก็ดูจะดัดจริตเพราะความจริงมันเหนื่อยจนถึงเหนื่อยมาก แต่หากเราปั่นแบบรู้จักประเมินกำลังตัวเองรู้จักพักร่างกาย ระยะทางมันก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร


การปั่นจักรยานท่องเที่ยวไม่ว่าระยะทางจะไกลแค่ไหนก็ไปถึงแค่ยึดหลักง่ายๆว่า "เหนื่อยก็พัก ไม่ไหวก็หยุด" ซึ่งประสบการ์แบบนี้มันสนุกจริงๆแต่คุณต้องลองด้วยตัวเอง "ไปขี่จักรยานเที่ยวกันนะครับ"

วันอาทิตย์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2558

กระแสลมกับการปั่นจักรยาน

เมื่อวานอยู่ๆอากาศก็เกิดแปรปรวนขึ้นมาจากที่ไม่มีลมแรงอากาศไม่หนาวอยู่ๆก็เปลี่ยนไป ดันมีลมกระโชกแรงพร้อมกับอากาศเย็นๆที่ตามแบบไม่ให้ปรับตัวกันผมเองก็ต้องเจอกับปัญหานี้เต็มๆเพราะต้องปั่นจักรยานไปทำงานโดนกระแสลมต้านจนทำให้ระยะทางที่เราเคยปั่นไปทำงานทุกวันเหมือนไกลไปกว่าเดิม

ลมที่เกิดขึ้นมานั้นผมไม่มีหลักทางวิทยาศาสตร์อะไรมาเขียนหรอกนะครับว่ามันเป็นลมอะไรมาจากไหนพัดแบบไหนเพราะไม่ได้เป็นกูรูด้านนี้เอาเป็นว่ามันเป็นลมที่เรารับรู้ได้จากความรู้สึกของผมเองจากการปั่นจักรยานไปทำงานทุกวันว่าวันนี้ลมไม่แรงวันนี้ลมมันแรงกว่าทุกวันพอสมควรทำให้ผมได้เรื่องมาเขียนในบล็อคนี้เพื่อแชร์ข้อมูลการปั่นกันเพราะกระแสลมแรงที่ต้านเราขณะปั่นจักรยานนั้นมันส่งผลทำให้นักปั่นเหนื่อยง่ายขึ้นนั่นเอง ดังนั้นครั้งนี้ผมเลยมาแชร์วิธีการเพื่อปั่นผ่านกระแสลมไปโดยที่เราไม่ต้องหอบแฮ่กๆ



วิธีแรกในการแก้ไขการปั่นจักรยานต้านกับกระแสลมนั้นผมใช้วิธีง่ายๆนั่นก็คือกดตัวเองให้ต่ำลงเพื่อลดการปะทะลมตรงๆให้มากที่สุดแต่ในคำว่ามากที่สุดมันต้องไม่ใช่ท่าที่ทำให้เราลำบากในการควบคุมรถหรือเกิดอาการเมื่อล้าจนเกร็งนะครับ เอาเป็นว่าก้มหลบลมโดยจับต่ำเปลี่ยนท่าทางในการจับแฮนด์หรือก้มตัวลงเพื่อมุดลมเท่านั้น เพราะผมปั่นจักรยานในเมืองหลวงของประเทศไทยบางครั้งหากก้มมากมุดมากก็จะเมื่อยล้ากล้ามเนื้อมากพอมันเมื่อยมากก็อาจจะเป็นตะคริวเกร็งขึ้นมาทำให้ควบคุมรถไม่ได้เสียจังหวะอาจโดนรถเมล์รถใหญ่ใจดีทั้งหลายหอบไปพร้อมพวกเขาได้(ฮา)


วิธีที่สองคือผมจะลดเกียร์ลงครับ นั่นคือผมจะปั่นในเกียร์ต่ำ หน้า2หลัง3-4 เพราะผมไม่อยากไปแข่งกับกระแสต้านของลมแค่ต้องการให้รถเคลื่อนไปข้างหน้าและขาสามารถปั่นได้สบายๆไม่หน่วงจนเกินไปซึ่งในส่วนของการใช้เกียร์ก็แล้วแต่คนนะครับว่าใครรู้สึกสบายขากับเกียร์ไหนในกระแสลมที่ต้านคุณอยู่ก็ใช้เกียร์นั้น

ดันนั้นเรื่องของกระแสลมต้านขณะปั่นจักรยานของผมจึงใช้วิธีแก้ง่ายๆแบบนี้เพราะมันเป็นเหตุการณ์เฉพาะหน้าส่วนวิธีที่มีบางท่านแนะนำว่าให้เปลี่ยนขนาดล้อเป็นล้อหน้าเล็กลงกว่าล้อหลังเพื่อตัดกระแสลมหรือเปลี่ยนใส่ล้อคาร์บอนที่มีน้ำหนักเบาใส่หมวกที่ลู่ลมปรื้ดๆใส่ชุดปั่นแนบผิวแบบนักแข่งเอาเป็นว่าผมมันคนงบน้อยไม่มีทุนไปทำอะไรเยอะแยะแบบนั้นก็แค่ปั่นให้สนุกและมีความสุขไปกับการแก้ปัญหาที่เราเจอเท่านั้นก็พอแล้ว (ฮา)




วันเสาร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2558

การเตรียมตัวปั่นจักรยานท่องเที่ยวทางไกลแบบง่ายๆ

สำหรับนักปั่นจักรยานนั้นมีหลายแบบหลายแนว บางท่านก็ชอบที่จะปั่นจักรยานแบบออกกำลังกาย บางท่านก็เน้นการแข่งขัน บางท่านก็อาจจะเป็นแค่แฟชั่นเห็นเขานิยมกันก็เอาด้วยจึงยังไม่มีแนวทางที่ชัดเจน สำหรับผมแล้วหลักๆผมชอบท่องเที่ยวป่าเที่ยวเขาชื่นชมธรรมชาติทำให้การปั่นจักรยานของผมจึงเป็นแบบทัวร์ริ่งเน้นการท่องเที่ยว ไม่เน้นความเร็ว


ปกติผมจะชอบเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวมากกว่าการเดินทางเป็นกลุ่มคณะเพราะสันดานส่วนตัวของผมเป็นขี้รำคาญก็เลยไม่ชอบไปกันหลายๆคน เพราะคนเยอะมันก็เรื่องเยอะไปด้วย เดี๋ยวคนนั้นปั่นไม่ไหวเดี๋ยวคนโน้นปั่นเร็วไป คนนั้นชอบแวะคนโน้นไม่ชอบแวะ คนนั่นจะกินโน่นคนนี้จะกินนั่น เอาเป็นว่าผมไม่อยากมีปัญหากับเรื่องพวกนี้ผมเลยเลือกที่จะเดินทางคนเดียวมากกว่า และวันนี้ผมของเขียนถึงวิธีการเตรียมตัวเพื่อปั่นจักรยานท่องเที่ยวในแบบของผมกันครับเพื่อจะเป็นแนวทางให้กับเพื่อนๆท่านอื่นๆ



การเตรียมตัวปั่นจักรยานทางไกลนั้นผมแบ่งง่ายๆสองส่วน

1. ก่อนการเดินทางให้คุณเช็คสภาพรถของคุณให้พร้อม
อันดับแรก.เช็คลมยางให้พอดีโดยดูจากข้างขอบยางว่าควรจะเติมลมเท่าไหร่ถ้าคุณไม่มีที่วัดก็ให้ใช้มือกดล้อดูว่ามันแข็งหรือนิ่มเกินไปหรือไม่ อย่าให้ยางแข็งไปเพราะมันจะกระด้างเวลาปั่นและหากปั่นทางร้อนๆเป็นระยะเวลานานๆมันจะมีแรงดันจากลมยางมากขึ้นอาจจะทำให้ยางแตกได้ง่ายและถ้ายางนิ่มเกินไปก็จะทำให้คุณต้องเหนื่อยแน่ในการปั่นระยะทางไกลๆเพราะมันจะหนืดอีกทั้งการเช็คระยะของยางก็ควรคำนึงเรื่องของน้ำหนักบรรทุกด้วยอย่าลืมว่าคุณปั่นทัวร์ริ่งคนเดียวไม่มีรถเซอร์วิสตามตูดแบกของให้คุณดังนั้นคุณต้องตรวจสอบให้เรียบร้อยก่อนเดินทาง
อันดับที่สอง. เช็คเบรค คุณควรเช็คระบบเบรคให้พร้อมก่อนออกเดินทางเพราะระบบเบรคที่ดีก็จะช่วยให้คุณปลอดภัยมากขึ้นด้วย
อันดับสาม. เช็คระยะท่านั่งความสูงต่ำของเบาะให้พอดีกับช่วงขาและแขนของคุณเพื่อลดความเมื่อล้าระหว่างการปั่นทางไกลๆนั่นเอง
2. อุปกรณ์เดินทาง
อุปกรณ์ในการเดินทางแบ่งเป็นสองส่วนดังนี้
ส่วนแรก อุปกรณ์สำหรับรถจักรยานของคุณนั่นก็คือปั๊มลม ยางในสำรอง ชุดปะยาง เครื่องมือสำหรับไขปรับแต่ง ไฟจักรยานแต่ปกติก็ไม่ค่อยได้ใช้หรอกครับเพราะปั่นทัวร์ริ่งไม่นิยมปั่นกลางคืนแต่มีไว้ก็ดี กระดิ่งจักรยานเผื่อไว้เวลาต้องขอทางหรือเพื่อขอความช่วยเหลือ ส่วนพวกไมล์จักรยานใครอยากติดไว้โชว์ตัวเลขก็ติดครับแต่ผมไม่ติดเพราะมันเก่ะก่ะ
ส่วนที่สอง อุปกรณ์สำหรับตัวนักปั่นหลักๆจะประกอบด้วย
-เต็นท์ขนาด1คนนอน เต็นท์ขนาดใหญ่จะหนักยิ่งหนักก็คือภาระในการปั่น
-อุปกรณ์การนอนเช่นผ้ายางเบาะรองนอน
-ชุดเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนแนะนำว่าอย่าขนไปเยอะแค่สองชุดสามชุดก็เพียงพอแล้วเยอะมากมันก็หนัก
-อุปกรณ์ในการทำอาหารในกรณีที่คุณอาจจะต้องทำอาหารทานเองส่วนตัวผมจะใช้เตาแก๊สสนามและหม้อใบเดียวใช้ทั้งต้มน้ำหุงข้าวหรือทำอาหารได้หมด
-มีดพก เอาไว้ใช้ตัดหั่นเจาะขุดและป้องกันตัวในยามฉุกเฉิน
-ยาแก้ปวดลดไข้ ยาทาเวลาแมลงสัตว์กัดต่อย ครีมกันยุงสำหรับสาวๆผิวบอบบาง แปรง+ยาสีฟัน
-รองเท้าที่เหมาะสมในการปั่นจักรยาน เดินป่า เดินเล่น ในคู่เดียวกันจะได้ไม่ต้องเอาไปหลายคู่
-หมวก ผมจะใช้หมวกแบบปีกกว้างและมีผ้าปิดกันแดดเพื่อใช้บังแดดแต่ใครอยากจะใส่หมวกจักรยานก็ตามสะดวกแต่ผมไม่ใส่เพราะมันร้อนยิ่งปั่นไกลยิ่งร้อน
-แบ็ตเตอรี่สำหรองมือถือ Power Bank ตอนนี้ผมใช้แบบมีโซล่าเซลด้วยปั่นไปก็ชาร์ตไป
-ไฟฉายขนาดพอดีอย่าใหญ่ไปเน้นกำลังส่องสว่างโดยเราสามารถใช้มันเป็นไฟหน้าจักรยานได้ด้วย
-แผนที่ เพื่อใช้ดูเส้นทางแม้นเราจะมีปากไว้ถามทางหรือมี GPS , Google mapแต่มีแผนที่ไว้จะดีกว่าเพราะบางพื้นที่เราอาจจะไม่เจอคนให้ถามทางหรือระบบอากู๋GPSมันไม่สามารถหาตำแหน่งได้



เพียงเท่านี้ครับเพราะเราปั่นจักรยานทัวร์ริ่งท่องเที่ยวทางไกลในประเทศไทย ดังนั้นจึงไม่ควรแบกอะไรไปเยอะนักเอาแค่พอใช้และเท่าที่จำเป็นก็พอส่วนอุปกรณ์จักรยานเช่นกระเป๋าจักรยานก็ตามสะดวกครับใครจะเน้นหรูเน้นถูกหรือDIYก็ตามสะดวกเพราะมันไม่ใช่ประเด็นที่ทำให้คุณปั่นจักรยานท่องเที่ยวได้หรือไม่ได้ และผมอยากจะฝากข้อสำคัญอีกอย่างก่อนการปั่นจักรยานท่องเที่ยวทางไกลเราควรวางแผนการเดินทางให้ดีว่าเราจะปั่นไปไหนทางไหนผ่านอะไรบ้างและมีระยะทางเท่าไหร่สภาพเส้นทางสภาพภูมิอากาศเป็นอย่างไรเพราะทั้งหมดเหล่านี้จะส่งผลกับความเร็วในการปั่นของเราในแต่ละวันและสุดท้ายกฎเหล็กสำหรับการปั่นจักรยานท่องเที่ยวนั่นก็คือเราต้องเคารพกฎจารจรและระมัดระวังหลีกเลี่ยงเส้นทางที่อาจจะทำให้เราเกิดอุบัติเหตุอย่าไปแคร์เรื่องความเร็วหรือห่วงความเท่แบบโง่ๆมันก็จะทำให้การเดินทางท่องเที่ยวด้วยจักรยานของคุณปลอดภัยขึ้นนั่นเอง


ขอให้มีความสุขกับการเดินทางท่องเที่ยวด้วยจักรยานครับ


EZ noneny AD