วันพุธที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2558

หลงจักรยานไม่เท่าไหร่ แต่หลงทางนี่สิ เสียฟอร์มเลย lost touring bike

ไม่ได้เขียนบล็อคมานานเพราะช่วงนี้ตัวผมเองมีงานที่ต้องทำค่อนข้างมากทำให้ไม่ค่อยมีเวลาออกไปตะแล็ดแต๊ะเต๋ที่ไหน นอนจากนั่งจ่อมอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวัน เริ่มรู้สึกสายตาย่ำแย่มากขึ้นเพราะต้องจ้องมองแสงจากเครื่องคอมทั้งวัน

วันนี้ผมนั่งเปิดหารูปภาพสวยๆไปเรื่อยๆและมาเจอรูปของกลุ่มนักปั่นจักรยานท่องเที่ยวกลุ่มนี้ทำให้นึกถึงครั้งที่ผมออกไปปั่นจักรยานครั้งหนึ่งที่จริงก็แถวๆบ้านนั่นล่ะครับ แต่เชื่อหรือไม่ผมกลับต้องหลงทางทั้งที่มันไม่ควรจะหลง(ฮา)

ประเด็นมันอยู่ตรงที่บางครั้งเรามองหาแต่เป้าหายที่ไกลตัวแต่พอสถานที่ใกล้ตัวเรากลับไม่รู้จักมัน ผมปั่นจักรยานวนไปวนมา หลงไปหลงมาด้วยความไม่คุ้นจากรามอินทราไปโผล่เอารังสิตแถวๆคลองห้า ซึ่งพอไปถึงรังสิตผมก็จำได้ว่ามีเพื่อนอยู่ที่รังสิตจึงโทรตามเพื่อนออกมานั่งกินก๋วยเตี๋ยวเรือกัน แอบอ้างกับเพื่อนว่าเราคิดถึงมันเลยปั่นจักรยานมาหา ไม่กล้าบอกว่าที่จริงกรูหลงทางมา(ฮา)

ระหว่างนั่งกินก๋วยเตี๋ยวก็ค่อยๆถามทางเพื่อนไปเรื่อยๆพร้อมบอกทางที่เราปั่นผ่านมาก่อนจะถามว่าเราจะกลับทางไหนใกล้ที่สุดเพราะกลัวจะมืดค่ำเสียก่อน เพื่อนผมก็แนะนำเส้นทางให้ ก่อนทิ้งท้ายว่า มรึงนี่เก่งนะปั่นจักรยานอ้อมไปวนมาจนมาโผล่ที่นี่ทำไม ปั่นกลับทางนี้สิไม่ไกล แค่สิบกว่ากิโลก็ถึงแล้ว

เฮ้อ...ก่อนที่ผมจะปั่นจักรยานไปเที่ยวที่ต่างจังหวัดผมจะนั่งทำการบ้านตรวจเช็คเส้นทาง ระยะทาง แหล่งจุดแวะพักต่างๆอย่างรอบครอบและไม่เคยต้องหลงทาง แต่พอมาปั่นแถวบ้านตัวเองกลับหลงทางซะงั้น แบบนี้จะด่าตัวเองว่าอย่างไรดี(ฮา)




วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2558

เที่ยวทะเลคลายร้อน กับที่พักราคาเบาๆช่วงเทศกาล

ช่วงวันสงกรานต์ที่ผ่านมาอยู่ๆผมก็เกิดอาการติสต์แตกเพราะอากาศที่ร้อนระบมจนไขมันเดือดไปทั้งตัว ครั้งจะไปเดินห้างอาศัยแอร์ก็เกรงใจเจ้าของห้างและร้านกาแฟพวกเขาคงจะจำหน้าผมได้เพราะมันมาซื้อกาแฟแก้วเดียวนั่งชิวซะเกือบสามชั่วโมง(ฮา)

แต่จะให้นั่งอุดอู้เป็นหมูกระป๋องอยู่บ้านก็ไม่ไหว หากจะเปิดแอร์สู้อากาศร้อนทั้งวันก็เกรงใจกระเป๋าเงินเวลาการไฟฟ้าเขาส่งบิลมาเก็บตังค์ก็เลยเกิดอาการติ๊ดส์แตกอยากไปที่มีน้ำมีสายลมมีกลิ่นไอธรรมชาติโดยคิดเอาเองว่าถ้าได้ไปในที่แบบนี้ไอเดียเรื่องงานที่รับเขามาทำเพื่อเสนอตัวอย่างช่วงหลังสงกรานต์คงจะพุ่งกระฉูด จึงตัดสินใจไปเที่ยวทะเลดีกว่า เพราะมันเข้ากับธีมฤดูร้อนเมษาฮาวายพอดิบพอดี(ฮา)

เมื่ออารมณ์และความคิดฟุ้งซ่านมันระเบิดก็เลยตัดสินใจออกจากบ้านตอนสายๆ เดินทางสบายๆลัดเลาะมาเรื่อยเปื่อยก่อนตัดออกเส้นบายพาสเลี่ยงตัวเมืองชลบุรี ก่อนเลี้ยวเบี่ยงขวามุ่งหน้าวิ่งเส้นเลียบทางรถไฟพัทยาและลัดเลาะดิ่งเข้าสัตหีบโดยพยามเลี่ยงการใช้เส้นทางผ่านตัวเมืองให้มากที่สุดเพราะผมไม่อยากไปเจอกับสงครามน้ำจนทำให้รถติดแหง่ก โดยมีจุดหมายคือ "หาดเตยงาม"

ที่จริงผมเคยมาหาดเตยงาม2-3ครั้งแล้ว และครั้งนี้เมื่ออยากจะมาเที่ยวทะเลสัตหีบทำให้ผมนึกถึงหาดเตยงามเป็นที่แรก เพราะชอบในความสะอาด หาดนี้ได้รับการดูแลโดยนาวิกโยทินทหารเรือ ทำให้ผมมีความรู้สึกว่าหาดที่นี่ปลอดภัย และน่าลงเล่นน้ำมากกว่าที่บางแสนมากๆ เวลาเล่นน้ำก็ไม่ต้องกังวลกับเจ็ทสกี บานานาโบ๊ทและที่แน่ๆเมื่อผมมาที่หาดเตยงามผมไม่ต้องเจอกับกองทัพร่มที่นั่งก็ต้องจ่ายเงินค่าเก้าอี้ผ้าใบ แถมคนเยอะยังกับรังมด ยิ่งช่วงที่ผมไปมันเริ่มเข้าสู่เทศกาลวันไหลของชาวชลบุรี ยิ่งทำให้ผมต้องเลี่ยงไปชายหาดชื่อดังแห่งนี้

ผมมาถึงหาดเตยเงาเอาช่วงเย็นผมจึงเปลี่ยนแผนไม่เข้าไปเล่นน้ำโดยคิดว่าไว้มาเล่นพรุ่งนี้ เพราะที่หาดเตยงามเขาจะมีเวลาเข้าออกเป็นเวลาไม่ได้เปิดโอเพ่นเหมือนพัทยาบางแสน เพราะหาดนี้อยู่ในเขตทหารเรือ สำหรับการขับรถยนต์มาก่อนเข้าต้องแลกบัตรและบันทึกเลขทะเบียนรถทุกคันเพื่อความปลอดภัย หลังจากแลกบัตรแล้วก็ขับรถต่อไปอีกประมาณ 1กิโล ก็จะเจอชายหาด ที่นี่มีการควบคุมเรื่องความสะอาดและการกินดื่มเพราะเขาเข้มงวด ดังนั้นมาที่นี่สบายใจได้ว่าเราจะไม่เจอกลุ่มขี้เมาที่เปลี่ยนบรรยากาศที่กินเหล้า ใครมีครอบครัวมาเที่ยวที่นี่รับรองว่าปลอดภัยครับ

เมื่อเปลี่ยนแผนก็ต้องหาที่พัก เพราะมันเริ่มเย็นแล้วก็เลยออกไปตั้งหลักแถววัดหลวงพ่ออี๋พลางนึกว่าค่ำแล้วๆๆ คืนนี้ตรูจะนอนที่ไหน(ฟร่ะ)เพราะเดินทางมาครั้งนี้มาแบบอารมณ์ติตส์พามาไม่ได้เตรียมตัวเรื่องที่พัก รวมถึงเสื้อผ้าก็มีมาแค่สองชุด คือชุดใส่มา+ลงเล่นน้ำทะเล และชุดใส่กลับ ยิ่งช่วงเทศกาลแบบนี้ด้วยคงจะหาที่พักลำบากจะกางเต๊นท์นอนริมหาดก็ไม่ได้เอาเต๊นท์มา(เฮ้อ...) แต่ก็อยากจะอยู่เที่ยวอีกวันสองวันผมจึงใช้การเดินเข้าไปถามหาที่พักว่ามีที่ไหนว่างบ้าง และก็โชคดีที่ได้ที่พักของฝ่ายกิจการทหารเรือซึ่งมีห้องพักให้บริการและข้อสำคัญไม่แพง คนธรรมดาสามัญแบบผมจ่ายคืนละ750บาท แต่ถ้าเป็นข้าราชการเขามีส่วนลดให้อีกเหลือเพียงคืนละ550เท่านั้น

ห้องพักที่ผมเข้าพักนั้นเจ้าหน้าที่บอกว่าเป็นอาคารเก่ายังไม่ปรับปรุงแต่ก็มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบ แถมมีฟรีไวไฟให้ด้วย ผมไม่คิดมากตอบตกลงทันทีเพราะมันเหลืออยู่ห้องเดียวขืนลีลามีหวังนอนข้างถนน(ฮา) ที่นี่เขามีร้านอาหารไว้บริการแถมอาหารก็ราคาไม่แพง อาหารจานเดียวเฉลี่ยจานละ60บาท และตอนเช้าก็มีชุดอาหารเช้า ราคา80บาท ก็กินได้พอดีอิ่ม แต่ผมขอเบิ้ลข้าวผัดกระเผาทะเลอีกจาน(ฮา)


"ห้องพักที่ได้ ราคานี้ติดหาดผมว่าคุ้ม"
บรรยากาศด้านหน้า
"ผมได้ที่ซุกหัวที่นี่(ฮา)"
"นี่เลยครับเดิมดุ่มๆเข้าไปถามเขาเลย"
คืนแรกผ่านเช้าวันรุ่งขึ้นผมตื่นมาแล้วเดินไปตลาดสัตหีบ เพื่อจะหาของกินแต่พอไปถึงปรากฎว่าของกินมีไม่เยอะเพราะส่วนมากเป็นของสดมากกว่า แต่ผมก็ได้ทอดมันมาหนึ่งกระทงกับข้าวมันอะไรก็ไม่รู้จำชื่อไม่ได้รดชาดอร่อยดีพอแก้ขัดก่อนมาจบที่ร้านอาหารของที่พักเช่นเดิม(แล้วตรูจะเดินไปทำไมฟะ ฮา) พอสายๆผมก็ไปเที่ยวหาดเตยงาม วันนี้คนค่อนข้างมากเพราะเป็นช่วงเทศกาลวันหยุดยาว ทำให้หาที่นั่งลำบากอยู่เหมือนกัน ผมลงเล่นน้ำที่นี่จนเย็นก่อนจะกลับที่พักและม่อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย

พักชมภาพบรรยากาศของตลาดเช้าสัตหีบ







เช้าวันที่สองของการพักหลังจัดการอาหารเช้าเรียบร้อย ผมก็ออกไปเที่ยวหาดดงตาล ซึ่งก็เป็นหาดของทหารเรืออีกเช่นเคยแต่หาดดงตาลจะอยู่ใกล้กับที่พักแบบเดินไปได้ ผมจึงไปเที่ยวที่หาดดงตาล แต่ที่นี่บอกก่อนนะครับว่าผมค่อนข้างผิดหวังเพราะมันไม่สะอาดเหมือนหาดเตยงามอาจจะเพราะมันอยู่ใกล้กับแหล่งการทำประมงด้วยและมีกลุ่มเปลี่ยนบรรยากาศกินเหล้าเต็มไปหมด ทำเอาผมเสียอารมณ์พอสมควร แถมในบริเวณหาดดงตาลเขามีพื้นที่อนุรักษ์เต่าทะเล ซึ่งเขาจะกันแนวเชือกไว้ไม่ให้เข้าไปเล่นน้ำหรือนั่งในบริเวณนั้น แต่คนไทยครับ ไม่มีความหมาย กฎข้อห้ามไม่เคยสนใจ บางคนเข้าไปนั่งเซลฟี่หน้าตัวเองข้างๆป้ายห้ามด้วยซ้ำ เห็นแล้วปลงกับพฤติกรรมของคนไทยจริงๆ
"หากดงตาลบางส่วนดูเป็นเลนและไม่สะอาดเหมือนหาดเตยงาม"

วันศุกร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2558

ใช้จักรยานในเมืองอันตรายจริงหรือ?


ผมนั่งเถียงกับเพื่อนหน้าดำคร่ำเครียดเรื่องการใช้จักรยานบนถนน เพื่อนบอกว่าเมืองไทยร้อนจะตาย(ห่ะ) แถมรถก็เยอะไม่เหมาะกับการใช้จักรยานเป็นอย่างยิ่ง ส่วนผมก็บอกว่าก็เพราะรถมันเยอะจะตาย(ห่ะ)นั่นล่ะเลยต้องหันมาใช้จักรยาน และถ้าเราทุกคนคิดว่าเมืองไทยมันร้อนเลยต้องใช้รถยนต์ติดแอร์รถมันก็มีแต่จะเยอะขึ้นและก็ติดจะตาย(ห่ะ)เหมือนเดิม

เพื่อนผมมันก็บอกว่าก็ใช้มอเตอร์ไซด์ก็ได้นี่หว่า จักรยานมันอันตราย ผมก็ถามกลับไปว่า เคยเห็นข่าวรถมอเตอร์ไซด์คว่ำตายมั้ย เคยเห็นข่าวมอเตอร์ไซด์ถูกชนมั้ย เพื่อนผมก็บอกเคยสิเห็นบ่อยๆ ผมก็ว่านั่นน่ะสิ แล้วที่เพื่อน(มึง)บอกจักรยานมันอันตรายน่ะ ไอ้รถอื่นๆมันไม่อันตรายเรอะ ผม(กู)ไม่ได้บอกว่าจักรยานไม่อันตราย แต่จักรยานมันเคลื่อนที่ช้ากว่ามันก็อันตรายน้อยกว่าโดยทษฎีแต่ถ้ามันปั่นแบบโง่ๆอวดเก่งโชว์พาวแล้วโดนรถใหญ่สอยร่วงเป็นเศษเนื้อข้างเขียงหรือคุมรถไม่อยู่แหกโค้งล้มหัวกระแทกพื้นนั่นก็ถือว่ามันเปิดโอกาสให้อันตรายเข้ามาหามันเอง แต่ถ้าคุณเพื่อนคิดว่าปั่นเฉยๆก็อาจโดนรถใหญ่เชี่ยวชนได้ ถ้าแบบนั้นมันก็เหตุสุดวิสัยและมันไม่ได้เกิดกับจักรยานเท่านั้นแต่มันเกิดกับทุกคนไม่เว้นแม้นแต่คนเดินถนน ยืนรอรถเมล์หรือนั่งกินข้าวอยู่ข้างทาง

ดังนั้นถ้าจะสรุปเหตุการณ์แบบที่มีการชนกันของวัตถุสองสิ่ง เช่น รถยนต์กับจักรยาน หรือ จักรยานกับมอเตอร์ไซด์ มันก็ถือเป็นอุบัติเหตุ เพียงแต่เป็นอุบัติเหตุสองแบบ คือ

1.อุบัติเหตุจริงๆ ส่วนนี้มันเกิดขึ้นถึงแม้นว่าเรา(จักรยาน)หรือเขา(รถคู่กรณี)จะใช้ความระมัดระวังทั้งคู่ แต่ก็ยังเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้อาจจะเกิดแบบตรงๆระหว่าเรากับคู่กรณีหรือเราหรือคู่กรณีเป็นบุคลที่สามที่โดนหางเลขจากคนอื่น เช่น รถคันแรกเสียหลักชนคันที่สอง คันที่สองเลยเสียหลักมาชนเราหรือมีคราบน้ำมันหกบนถนนซึ่งกรณีแบบนี้มันสุดวิสัย มันก็เรียกว่าอุบัติเหตุจริงๆ

2.อุบัติเหตุที่มาจากการเปิดโอกาส ส่วนนี้ล่ะที่มันมีปัญหามากเพราะโดยหลักแล้วจักรยานเป็นยานพาหนะที่เดินทางได้ช้ากว่ายานพาหนะชนิดอื่น ดังนั้นหากคนใช้จักรยานไม่ทำเจ๋ง โชว์พาว ไม่เคารพกฎจารจร หรือไปปั่นต่อกันเป็นขบวนพาเรทเก่ะก่ะรถที่เขาเคลื่อนที่ได้เร็วกว่ามันก็เท่ากับว่าเป็นการกระทำที่เปิดโอกาสให้เกิดอุบัติเหตุนั่นเอง เพราะเมื่อคุณไปเก่ะก่ะแล้วเขาไม่สามารถหยุดได้ทันชนโครมหรือเฉี่ยวคุณล้มกลิ้ง คุณก็มาแหกปากโวยวายด่าทอยานพาหนะชนิดอื่น ผมมองว่าคนแบบนี้เป็นพวกเห็นแก่ได้เห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจและเป็นกลุ่มที่ทำให้สังคมผู้ใช้รถส่วนใหญ่รังเกียจคนใช้จักรยานในที่สุด

ดังนั้นใช้จักรยานเดินทางในชีวิตประจำวันมันอันตรายมั้ย สำหรับผมมันอันตรายไม่ต่างกับการขี่รถมอเตอร์ไซด์แต่โอกาสที่จะเจ็บตัวนั้นมันน้อยกว่าเพราะสำหรับผมการเดินทางด้วยจักรยานมันคือความเนิบนาบเคลื่อนที่อย่างช้าๆ แต่ถ้าปั่นแบบแข่งสปีดเป็นพวกขาแรงตรูเดอฟร้อง อันนี้ถ้าเกิดอะไรขึ้นก็ช่วยไม่ได้และไม่สงสารด้วยเพราะตามกฎหมายและตามสามัญสำนึกของมนุษย์ต้องเข้าใจว่า"ไม่ว่าจะเป็นรถจักรยาน มอเตอร์ไซด์หรือรถยนต์ ถนนไม่ใช่สนามแข่งขัน"


EZ noneny AD