วันพุธที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2557

เที่ยงานบุญหลวง ชมผีตาโขน

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
ประเทศไทยนั้นมีเทศกาลหรือประเพณีอยู่มากมายให้พวกเราไปเที่ยวชม ซึ่งแต่ละประเพณีก็มีความสวยงามและหลากหลายตามวัฒนธรรมท้องถิ่นของตนเอง และประเพณีหนึ่งที่น่าสนใจและมีความสวยงามและสนุกสนาน ตามความรู้สึกของผม ผมว่ามันเหมือนงานคาร์นิวัล นั่นก็คือ “ประเพณีการแห่ผีตาโขน” ในจังหวัดเลย ที่ตั้งอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย โดยจัดกันในช่วงเดือนปลายเดือน7 จนถึงต้นเดือน 8 ซึ่งส่วนมากมักจัดมากกว่าสามวันในบางช่วงระหว่างเดือนมีนาคม และกรกฎาคม โดยจัดขึ้นในวันที่ได้รับเลือกให้จัดขึ้นในแต่ละปีโดยคนทรงประจำเมือง ซึ่งงานบุญประเพณีพื้นบ้านนี้มีชื่อเรียกว่า "งานบุญหลวง" โดยแบ่งออกเป็นเทศกาล ผีตาโขน, ประเพณีบุญบั้งไฟและงานบุญหลวง (หรือ บุญผะเวส) โดยการแต่งตัวเป็นผีตาโขน ผู้คนจะสวมหน้ากากที่ทำจากวัสดุหาได้ในท้องถิ่น เช่น หวดนึ่งข้าวเหนียว ก้านมะพร้าว ตกแต่งระบายสี เขียนหน้าตาให้น่ากลัว แต่งกายโดยใช้เศษผ้ามาตัดเย็บ มีอุปกรณ์ต่าง ๆ กระป๋อง กระดึงแขวน แห่กันอย่างสนุกสนาน และประเพณียังคงมีความเชื่อกันว่า สำหรับคนที่เล่นหรือมีการแต่งตัวเป็นผีตาโขนใหญ่ ต้องถอดเครื่องแต่งกายผีตาโขนใหญ่ออกให้หมดและนำไปทิ้งในแม่น้ำหมัน ห้ามนำเข้าบ้าน เป็นการทิ้งความทุกข์ยากและสิ่งเลวร้ายไป และรอจนถึงปีหน้าจึงค่อยทำเล่นกันใหม่


ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
เรื่องเล่าที่มาของประเพณีของผีตาโขนนั้นเล่ากันว่า เกิดจากความรักของหนุ่มสาวคู่หนึ่งซึ่งฝ่ายชายชื่อว่ากวม และฝ่ายหญิงมีชื่อว่าเทียม แต่ความรักทั้งสองนั้นถูกกีดกันจากผู้ใหญ่ของแต่ละฝ่าย ต่อมาเมื่อทั้งสองถูกกีดกันมากเข้าจึงพากันหนีไปหลบซ่อนตัวอยู่ในป่า และเมื่อทั้งคู่เสียชีวิตดวงวิญญาณยังคงวนเวียนอยู่ไม่ได้ไปผุดไปเกิดโดยมีความเชื่อว่าดวงวิญญาณทั้งสองได้สิงสถิตอยู่ในพระธาตุเจดีย์ศรีสองรัก ในนามของจ้าวพ่อกวมและจ้าวแม่เทียม และมีเสียงร่ำลือกันว่าชาวบ้านที่ตายไปดวงวิญญาณต่างพากันไปเป็นบริวารของจ้าวพ่อกวมและจ้าวแม่เทียม และเมื่อถึงช่วงเทศกาลบุญผะเวส ซึ่งเป็นเทศกาลทำบุญอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่ญาติผู้ล่วงลับ ชาวบ้านเชื่อว่า เมื่อมีบุญผะเวสบรรดาผีทั้งหลายก็จะออกมาแห่ขบวนกองบุญหรือมารับส่วนบุญด้วยความดีใจ ผู้คนจึงมีการแต่งกายให้เป็นผี เมื่อมีการแห่ พระอุปคุตเป็นการแสดงออกทางกายให้รู้ว่าผีทั้งหลายกำลังได้รับการต้อนรับและได้รับส่วนบุญ ส่วนกุศลแล้วนั่นเองครับ

สำหรับในปีนี้ งานผีตาโขนจะมีขึ้น ณ หน้าที่ว่าการอำเภอด่านซ้าย วัดโพนชัย และถนนแก้วอาสา อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ในวันที่ 27 มิถุนายน 2557 - 29 มิถุนายน 2557

งานประเพณีบุญหลวงและการละเล่นผีตาโขน เป็นส่วนหนึ่งของ งานบุญหลวงซึ่งถือว่าเป็นงานบุญใหญ่ประจำปีของ ท้องถิ่นโดยรวมเอา งานบุญพระเวส” ( ฮีตเดือนสี่ ) และงานบุญบั้งไฟ” (ฮีตเดือนหก) เข้าไว้เป็นงานบุญเดียวกัน งานบุญพระเวสนั้นเป็นงานบุญที่จัดขึ้นเพื่อฟังเทศน์มหาชาติ ทั้ง 13 กัณฑ์ ซึ่งถือ ว่าได้รับอานิสงส์แรงกล้าบันดาลให้พบพระศรีอริยเมตไตรย์ในชาติหน้า

   ส่วนงานบุญบั้งไฟเป็นงานบุญที่จัดขึ้นเพื่อบูชาอารักษ์หลักเมืองและถือเป็นประเพณีการแห่ขอฝนให้ตกต้องตามฤดูกาล ใน งานบุญหลวงนี้จะมีกองทัพผีตาโขนออกวาดลวดลายทั่วเมืองด่านซ้ายร่วมสร้างความสนุกสนานครื้นเครงในขบวนแห่ด้วย โดยในปีนี้ ททท.สำนักงานเลย ได้จัดกิจกรรม ถนนผีฯ...คนเดิน (Phi Ta Khon Road) ” และการแต่งแต้มหน้ากากผีตาโขนเล็กสำหรับเป็นของที่ระลึก เพื่อนำเสนอศิลปวัฒนธรรมอันงดงามของชุมชนแห่งนี้

   กิจกรรมที่น่าสนใจ ได้แก่ พิธีเบิกพระอุปคุต พิธีบายศรีสู่ขวัญเจ้าพ่อกวน-เจ้าแม่นางเทียม ขบวนแห่ผีตาโขน ขบวนแห่เจ้าพ่อกวน-เจ้าแม่นางเทียม และคณะพ่อแสน พิธีบายศรีสู่ขวัญพระเวส ขบวน พิธีอัญเชิญพระเวสสันดรเข้าเมือง พิธีจุดบั้งไฟบูชาพญาแถน พิธีทิ้งหน้ากากผีตาโขน พิธีเทศน์มหาชาติ 13 กัณฑ์ พร้อมด้วยการแสดงบนเวทีที่ยิ่งใหญ่ การจำหน่ายผลิตภัณฑ์พื้นเมือง งาน แฮนด์เมด งานหัตถกรรม งานศิลปะ และงานไอเดียสร้างสรรค์ต่างๆ จากชาวด่านซ้าย และชาวเมืองเลย และการแสดงดนตรีและแสดงโชว์ต่างๆ จากกลุ่มเยาวชน

ข้อมูลการติดต่อ : ที่ว่าการอำเภอเมืองเลย (หลังเก่า) ถ.เจริญรัฐ ต.กุดป่อง อ.เมือง จ.เลย 42000
ททท. สำนักงานเลยTel. 0-4289-1266

วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2557

คลิปวีดีโอการท่องเที่ยว


คลิปวีดีโอการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ปลุกจิตสำนึกการท่องเที่ยวและการรับผิดชอบต่อสถานที่ที่เราไปเที่ยว อยากให้คนไทยออกมาเที่ยวเมืองไทยกันเยอะๆ และช่วยกันรักษาสถานที่ท่องเที่ยวนั้นให้สะอาดสวยงาม อย่าไปขีดเขียนหรือทำลายด้วยความคึกคะนอง ส่วนการเดินทางท่องเที่ยวนั้นใครจะเดินทางไปด้วยพาหนะชนิดใดก็ตามสะดวก ตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละท่าน แต่สุดท้ายเมืองไทยมีดี ไม่เที่ยวไม่ได้แล้ว

Thailand Grand Sale 2014

Thailand Grand Sale 2014


ช่วงเวลาที่นักช็อปทั้งหลายรอคอย มหกรรมลดราคาสินค้าครั้งยิ่งใหญ่ประจำปีของไทย ซึ่งจะมีห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีกและผู้ประกอบการในงานมากมาย ร่วมลดราคาสินค้าและบริการต่างๆ ทั้งเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย เครื่องประดับ หัตถกรรมรวมถึงโรงแรม ที่พัก ภัตตาคารและรายการนำเที่ยว
ระยะเวลาจัดงาน 15 มิถุนายน 2557 - 15 สิงหาคม 2557 

ข้อมูลการติดต่อ : เลขที่ 1600 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพฯ10400
    ททท.สำนักงานกรุงเทพฯ
    Tel. +66 2250 5500

วันจันทร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2557

เที่ยวถ้ำพระยานคร

ท่องเที่ยวคลายร้อน เที่ยวชายหาดชมถ้ำพระยานคร ผมมีความรู้สึกเหนื่อยเบื่อกับการนั่งทำงานที่ตาจะต้องจ้องมองคอมพิวเตอร์อยู่ตลอดเวลา รู้สึกเบื่อกับการที่จะต้องใช้ชีวิตเกือบทั้งวันอยู่ในโลกออนไลน์ ดังนั้นผมจึงปิดตอม ปิดเครื่องมือสื่อสารแล้วกลับบ้านเก็บเสื้อผ้ากางเกงชาวเลตัวโปรดของผมลงเป้ ผมจะเดินทางไปพักสมอง ผมจะไปเที่ยวเพื่อใช้ชีวิตในโลกความจริง และเป้าหมายของผมก็คือ “ถ้ำพระยานคร”
ถ้ำพระยานครเป็นถ้ำที่อยู่ใน อุทยานเขาสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตัวถ้ำซุกซ่อนอยู่ในเขาเล็กๆติดชายฝั่ง ผมใช้เวลาเดินทางจากบ้านในกรุงเทพมุ่งหน้าสู่จังหวัดประจวบ ขับรถกินลมชมวิวมาเรื่อยๆใช้เวลาราวๆ3ชั่วโมงกว่าๆผมก็มาถึงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งก็ต้องแวะหาที่พักกันเสียก่อน โดยเป้าหมายนี้ผมได้จองที่พักไว้ซึ่งเป็นของกองทัพเรือ ค่าห้องพักที่นี่ราคาเฉลี่ยอยู่ที่1,300บาท/คืนบวกอาหารเช้า ซึ่งอาจจะสูงกว่าที่พักที่อยู่ด้านนอกริมถนนซึ่งที่พักเหล่านั้นต้องหาที่จอดรถกันเอาเองเพราะไม่มีที่จอดรถให้ต้องหาจอดริมถนนเอาเองครับ ส่วนที่กองทัพเรือนี่สะดวกสบายในเรื่องของที่จอดรถเพราะจอดรถในบริเวณของกองทัพเรือได้เลยไม่ต้องจอดริมถนน อีกอย่างเวลาผมไปเที่ยวถ้าเข้าพักในรีสอร์ทหรือบังกะโลผมก็มักจะเลือกที่มีอาหารเช้าเพราะค่อนข้างสะดวก
เที่ยวถ้ำพระยานคร และเมื่อได้เข้าห้องพักก็มีความรู้สึกว่าไม่เลวเลย ห้องพักกว้างขวางสะดวกสบายพอใช้ อาจจะไม่หรูหราแต่ก็ถือว่าคุ้มพอสมควรกับราคา และจากวิวในห้องพักผมสามารถมองเห็นชายหาดและทะเลได้แต่เสียดายที่ห้องพักที่นี่ไม่มีระเบียงด้านนอกทำให้ไม่สามารถออกไปนั่งรับลมได้แต่ข้อดีก็คือ เมื่ออยู่ติดชาดหาดแบบนี้ก็ไม่ต้องเดินไกลหากจะไปเดินเล่นชิลล์ๆที่ชายหาดและที่นี่เขาก็มีโต๊ะเก้าอี้ให้นั่งชมวิวทะเลบริเวณด้านที่ติดกับหาดด้วย
เที่ยวถ้ำพระยานคร
แต่สำหรับน้ำทะเลที่นี่พอเล่นได้แต่ไม่ค่อยจะดีนักเพราะผมเห็นว่าหาดบริเวณนี้อยู่ใกล้กับสะพานปลาเล็กๆของชาวประมง ผมจึงเดินเล่นริมหาดไปเดินดูบรรยากาศของชาวประมงบริเวณนั้นและเก็บภาพบรรยากาศแถวนั้นเล็กน้อย

เที่ยวถ้ำพระยานคร
เมื่อตะวันลาลับขอบฟ้าไปแล้วท้องมันก็เริ่มร้องผมจึงอกมาหาอะไรทานด้านนอกที่พักเพราะที่นี่อยู่ไม่ไกลจากตลาดโต้รุ่ง เราสามารถเดินไปที่ตลาดได้เลยผมใช้เวลาเดินเรื่อยๆราวๆสิบนาทีก็ถึงตลาดโต้รุ่ง ซึ่งในความคิดแรกของผมคือมันใช่ตลาดโต้รุ่งแน่หรือ เพราะบรรยากาศเหมือนตลาดนัดเปิดท้ายขายของมากกว่า มีร้านค้าขายของที่ระลึกขายเสื้อผ้าโน่นนี่นั่นเยอะพอสมควร ส่วนร้านอาหารก็ดูจะเน้นไปที่การต้อนรับลูกค้าต่างชาติมากกว่าเพราะมีคนออกมาเรียกเชียร์ลูกค้าต่างชาติให้เข้ามากินอาหารในร้านซึ่งแน่นอนว่าผมไม่เข้าไปทานตามร้านพวกนี้เพราะผมไม่ใช่คนต่างชาติ(ฮา)
ผมเดินชมบรรยากาศของตลาดมาเรื่อยๆและมองหาของกินเห็นที่นี่มีร้านขายโรตีอยู่หลายร้านผมจึงซื้อโรตีมากินระหว่างเดินชมบรรยากาศของตลาดแห่งนี้ และจบอาหารมื้อค่ำของผมด้วยไก่ทอดและข้าวเหนียว ทั้งที่จริงตั้งใจว่าไปเดินตลาดโต้รุ่งผมจะกินพวกข้าวต้ม ผัดผักบุ้งไฟแดงอะไรแบบนั้น แต่บอกตรงๆว่าผมหาไม่เจอ เขาอาจจะมีขายนะครับแต่ผมหาไม่เจอจริงๆ
ตลาดโต้รุ่ง
เช้าวันต่อมาผมตื่นแต่เช้าเพื่อมาชมภาพอาทิตย์ขึ้นริมทะเลที่เวลาอยู่กรุงเทพผมไม่ได้เห็น และเมื่อลงมาเดินชมบรรยากาศตอนเช้าในสถานที่ๆไม่มีเสียงรถเสียงแตรควันไอเสียมากมายแบบนี้แล้วรู้สึกดีจริงๆ ผมเดินเล่นอยู่สักพักก็มาทานอาหารเช้าที่ทางโรงแรมจัดไว้ให้ก่อนที่กลับขึ้นห้องพักและเตรียมตัวเดินทางไปเที่ยวถ้ำพระยานครในช่วงบ่ายตามที่วางแผนไว้
ผมขับรถออกมาจากที่พักมุ่งหน้าตามถนนหลักสายเพชรบุรีเพื่อไปยังถ้ำพระยานคร ระหว่างทางที่ขับรถผมขับผ่านเส้นทางรอบๆเต็มไปด้วยบ่อกุ้ง แม้นอากาศร้อนแต่ก็เพลินตาไปกับภาพรอบๆที่ได้เห็นโดยเฉพาะภูเขาที่เรียงรายต่อเนื่องสลับกันไปมา ผมขับตามเส้นทางมาเรื่อยๆเส้นทางที่เข้ามานี้ขับรถสบายๆเพราะทั้งถนนแทบจะมีรถผมอยู่คันเดียว นานๆจึงจะมีรถวิ่งสวนมาและใช้เวลาไม่นานนักผมก็มาถึงพื้นที่บริเวณอุทยานเกาะสามร้อยยอด ซึ่งเมื่อลงมาสอบถามคนที่นั่นว่าผมจะไปถ้ำพระยานครเขาก็บอกว่าไปได้สองทางนะ หนึ่งคือเดินไป สองนั่งเรือข้ามไป ผมสอบถามต่อว่าถ้าเดินไปไกลแค่ไหนเขาก็ตอบว่าเดินข้ามเขาลูกนี้พร้อมชี้มือให้ผมดูเขาด้านหลัง แต่ถ้านั่งเรือไปก็ราวๆสิบนาที ซึ่งมีค่าบริการไปกลับ 400บาท ผมจึงตัดสินใจว่าวันนี้ผมไม่พร้อมเดินข้ามเขาแน่ๆเพราะผมไม่ได้เตรียมตัวมาเดินไกลๆแบบนั้น ผมจึงนั่งเรือข้ามไปที่ถ้ำพระยานคร
เที่ยวถ้ำพระยานคร
ลงเรือข้ามไปเที่ยวเกาะเข้าถ้ำโอ้ยๆๆชิลล์จริงๆ ผมนั่งเรือข้ามมาเรือต้องจอดไกลจากฝั่งประมาณ50เมตรและต้องเดินลุยน้ำขึ้นฝั่งเองเหมือนตอนที่จะลงเรือมาก็ต้องลุยน้ำมาขึ้นเรือเพราะคนขับเรือบอกว่าน้ำมันตื้นเรือเข้าไปไม่ได้ และบอกว่าถ้าหน้าหนาวนี่ลมแรงเรือจะยิ่งเข้ามาลำบากมาก ผมลงเดินลุยน้ำขึ้นฝั่งน้ำไม่ลึกแค่ประมาณ30เซนติเมตร สามารถเดินลุยสบายๆเมื่อมาถึงเจ้าหน้าที่อุทานก็บอกผมว่าต้องเสียค่าเข้าอุทยาน50บาท หลังจากชำระเงินเรียบร้อยผมก็สอบถามว่าถ้ำพระยานครอยู่ตรงไหน เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าเดินไปทางนั้นจะมีทางขึ้นไปประมาณ 430เมตรก็จะถึงถ้ำ ฮา...ใกล้แค่นี้เองผมคิด
เที่ยวถ้ำพระยานคร

430 เมตร...มันฟังดูแล้วไม่ไกลใช่มั้ยครับแต่พอเดินเข้าจริงๆ...ผมขอบอกก่อนว่าหากคุณเป็นโรคประจำตัวก็ควรพิจารณาก่อนเลยนะครับ เพราะมันเป็น 430 เมตรที่เดินขึ้นเขา และทางเดินก็ไม่ใช่บันไดสบายๆแต่มันเป็นหินล้วนๆจากภูเขาที่ทำให้เป็นบันได ทางชัน และทางเดินหินพร้อมจะลื่นหัวทิ่มได้หากคุณประมาท แม้นระยะทางพียง430เมตร เมื่อต้องเจออากาศร้อนๆแบบนี้ทำเอานักท่องเที่ยวหลายคนออกอาการหอบแฮ่กกันเป็นแถว
อันที่จริงบริเวณทางขึ้นทางอุทยานเขาก็ติดป้ายบอกเอาไว้แล้วครับว่าหากเป็นโรคประจำตัวให้พิจารณาก่อนขึ้นไป ผมเองก็เห็นป้ายนะครับแต่ไม่ได้สนใจ ก็แค่ 430เมตรเอง เนอะ...จะอะไรกันนักหนา โด่....ชิลล์อยู่แล้ว
ถ้ำพระนคร
(ป้ายเตือนก่อนจะเดินขึ้นเขา...ตอนแรกผมไม่สนใจ)
ผมเดินขึ้นเขาเพื่อไปยังถ้ำพระยานคร ระหว่างทางเดินก็เห็นนักท่องเที่ยวคนอื่นเดินลงมาทุกคนสภาพดูเหนื่อยล้าแต่ก็มีความสุข เพราะเส้นทางเดินไปยังถ้ำพระยานครนั้นไม่ใช่ทางเดินที่ราบเรียบสบายๆ แต่เป็นทางชันขึ้นเขาและทางเดินเป็นหินตลอดเส้นทาง แถมยังต้องเดินเลี้ยวไปมาขึ้นเขาลอด ผมเองก็เหงื่อท่วมตัวและหอบแฮ่กเหมือนกัน
ถ้ำพระยานคร
(สภาพทางเดินขึ้นไปยังถ้ำพรยานคร)
เมื่อเดินมาได้ราวๆครึ่งทางจะถึงจุดพักชมวิวผมก็หยุดเก็บภาพที่บริเวณนี้เล็กน้อย จากเที่ยวถ้ำพระยานครจุดพักชมวิวนี้เราสามารถมองเห็นวิวทะเลที่อยู่ไกลไปจนสุดเส้นขอบฟ้าได้เลยครับ เป็นวิวที่สวยทำให้รู้สึกหายเหนื่อยได้บ้าง ผมใช้เวลาตรงจุดนี้เล็กเพื่อเก็บภาพสองสามภาพ ก่อนจะเริ่มออกเดินต่อ เพราะหลังจากจุดพักชมวิวแล้วยังต้องเดินต่อไปอีกสักพักก็จะถึงทางเดินลงเขา ซึ่งจะลงไปยังถ้ำแต่ทางลงนี่เป็นชั้นแรกเพราะเมื่อเดินลงไปแล้วเราก็จะเจอกับลานกว้างของถ้ำอากาศเริ่มเย็นสบายเพราะอุณหภูมิภายในถ้ำ แต่จากตรงจุดนี้เราก็จะเห็นทางทีเป็นบันไดไม้เมื่อเดินข้ามไปก็จะเป็นทางลงเขาซึ่งจากจุดทางเดินของบันไดไม้ค่อนข้างจะมืดแต่เมื่อมองตรงไปยังแสงสว่างข้างหน้าเราก็จะเห็นพลับพลาอยู่ด้านล่างของถ้ำที่สะท้อนกับแสงที่รอดปากอุโมงค์ด้านบนลงมากระทบทำให้มีแรงฮึดที่จะเดินต่อไปเพราะบอกตรงๆผมเหนื่อยแฮ่กกับระยะทางที่เดินมาจนถึงจุดนี้ เมื่อเดินพ้นบันไดไม้มาก็จะเป็นทางเดินลงอีกครั้งครับ แต่ไม่ชันมากนักเมื่อลงมาแล้วเราก็จะได้สัมผัสบรรยากาศเต็มๆกับถ้ำพระยานคร
เที่ยวถ้ำพระยานคร
ทางเดินลงไปชั้นแรก ชั้นนี้ยังไม่ถึงนะครับต้องลงไปอีกชั้นหนึ่ง
เที่ยวถ้ำพระยานคร
บันไดไม้ทางเชื่อมลอดอุโมงค์เล็กๆ ค่อนข้างมืดแต่เมื่อข้ามพ้นไปก็เป็นส่วนที่ตั้งพลับพลาซึ่งต้องเดินลงไปอีกหน่อยครับ
ถ้ำพระนคร

http://www.uppic.com/uploads/14000611511.jpgพ้นลอดอุโมงค์บันไดไม้มาก็จะเห็นพลับพลาครับ
เที่ยวถ้ำพระยานคร
ถ้ำพระยานคร
http://www.uppic.com/uploads/14000611512.jpg
บรรยากาศในบริเวณถ้ำพระยานคร
เที่ยวถ้ำพระยานครภายในถ้ำพระยานครเป็นลานโล่งกว้างขวางและเย็นสบาย มีหินงอกหินย้อยให้เห็นบ้างแต่ไม่มากนัก ตรงกลางลานโล่งจะเป็นที่ตั้งของพลับพลาที่รัชกาลที่5ทรงสร้างไว้ สามารถเดินชมได้รอบๆแต่เข้าไปในบริเวณพลับพลาไม่ได้ ด้านบนเป็นเหมือนปากอุโมงค์กว้างและแสงสว่างจะลอดปากอุโมงค์ด้านบนลงมายังพลับพลาสะท้อนสวยงามเรียกว่าหายเหนื่อยเมื่อได้เห็นภาพนี้ ภายในถ้ำยังมีรอยพระหัตถ์ ภปร. ของรัชกาลที่5 เสียดายที่ผมใช้เวลาอยู่ในถ้ำได้ไม่นานนักเพราะเรือที่ผมนั่งมาเขาจะมารับตอนสี่โมงเย็นทำให้ผมต้องรีบกลับออกมา แม้นจะเหนื่อยในการเดินมาที่ถ้ำพระยานครแห่งนี้แต่มันได้ความรู้สึกภูมิใจที่ได้เดินมาจนถึงที่นี่ ขณะที่เดินกลับลงมาด้านล่างมีคนที่เดินสวนขึ้นมาหลายคนถามว่าอีกไกลแค่ไหนหลายคนเดินกลับลงไปเพราะเดินต่อไม่ไหว นั่นทำให้ผมรู้ว่าร่างกายของเราไม่แข็งแรงเพราะความที่เราทำงานนั่งติดกับเก้าอี้ไม่ได้ออกกำลังกาย การมาเที่ยวครั้งนี้ทำให้ผมคิดว่าต้องกลับไปออกกำลังกายอีกเพราะหากผมอยากจะเที่ยวและสัมผัสความสวยงามของธรรมชาติ ร่างกายของผมต้องแข็งแรงเพื่อจะได้พาผมไปถึงที่หมายนั้นโดยไม่มีสภาพเป็นหมาหอบแดดแบบนี้...เอาไว้พบกันทริปหน้าครับ
เมืองไทยมีดี ไม่เที่ยวไม่ได้แล้ว

EZ noneny AD