วันจันทร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เมื่อต้องเลือกสองเสือปั่นในเมืองกรุง Road bike VS Mountain bike

จากการที่ผมได้ทดลองปั่นเจ้าปรอท(road bike)ในเมืองสำหรับผมแล้วมันให้ความรู้สึกต่างกับน้องฟ้า(mountain bike)อยู่พอสมควรดังนั้นผมจึงรวบรวมจุดที่คิดว่าน่าจะเป็นประเด็นสำคัญมาให้อ่านกันเพื่อเป็นการเปรียบเทียบในการปั่นสองเสือนี้ไปทำงานและเดินทางในเมืองอย่างจริงๆจังๆที่ไม่ใช่เรื่องของจักรยานแฟชั่นหรือการแข่งขันนะครับ

"เจ้าปรอท"
"น้องฟ้า"
ก่อนอื่นผมขออธิบายให้เข้าใจกันก่อนนะครับ ผมไม่ใช่นักปั่นจักรยานหรือเทสไรเดอร์นะครับผมแค่คนใช้จักรยานเดินทางในชีวิตประจำวันและจักรยานที่ผมใช้คันแรกก็เป็นจักรยานไทยบ้านเรียกง่ายๆจักรยานราคาถูกนั่นล่ะส่วนอีกคันเป็นเสือทัวร์ริ่งวินเทจแต่ก็ไม่ใช่จักรยานเทพอะไรที่ไหนโดยส่วนนี้ผมเขียนตามความรู้สึกของผมเพราะผมต้องใช้จักรยานเหล่านี้เพื่อเป็นพาหนะเดินทางไปมาในชีวิตประจำวันบนถนนหลวงในกทม.โดยมีระยะทางเฉลี่ย40กิโลเมตร/วัน(บวกลบแล้วแต่วันและเส้นทางที่ใช้) ดังนั้นจึงขอย้ำว่าบทความที่แสดงความคิดเห็นนี้มันจึงเป็นมาตราฐานของผมฟิลลิ่งความรู้สึกของผมที่ใช้งานจริงๆซึ่งมันไม่ใช่มาตราฐานสากลอีกทั้งไม่ต้องห่วงว่าผมจะมาขายสินค้าเพราะผมไม่ได้มาอวยเพื่อขายของดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าผมจะเชียร์ใคร และหากเพื่อนๆที่เข้ามาอ่านบทความนี้จะนำไปเป็นแนวทางประกอบเพื่อตัดสินใจในการเลือกจักรยานเพื่อใช้ในชีวิตประจำวันก็ยินดีครับ เอาล่ะมาเริ่มกันเลยดีกว่า

1 ความคล่องตัว
สำหรับผมแล้วหลังจากที่ได้ปั่นเจ้าปรอทและน้องฟ้าในเส้นทางเดียวกัน ระยะทางเท่าๆกันในส่วนนี้ผมมีความรู้สึกว่าน้องฟ้าทำได้ดีกว่าเจ้าปรอท แม้นรูปร่างจะดูเทอะทะกว่า น้ำหนักตัวมากกว่า แต่ด้วยแฮนด์ที่ตรงทำให้บังคับควบคุมรถได้ง่ายกว่า รวมถึงหน้ายางที่กว้างกว่าแม้นจะทำให้หนืดไปบ้างในการออกแรงปั่นแต่ก็ได้กลับมาในเรื่องของความมั่นคงในการทรงตัว โดยเฉพาะเมื่อต้องมุดในช่วงที่การจารจรติดขัดน้องฟ้าสามารถมุดได้อย่างมั่นใจและคล่องตัว ส่วนเจ้าปรอทแม้นจะมุดได้แต่ด้วยหน้ายางที่บางแคบกว่าและสภาพถนนบางช่วงเป็นหลุมบ่อและมีรอยแตกรอยนูนของพื้นถนนทำให้บางครั้งเกิดอาการหน้าเหวอเหมือนกัน ประกอบกับช่วงความยาวของรถที่เจ้าปรอทมีมากกว่าและมีองศาในการนั่งที่เอียงโน้มตัวมาข้างหน้ามากกว่าทำให้การควบคุมรถผมว่ายังไม่รู้สึกเป็นธรรมชาติเหมือนน้องฟ้า
"หลุมและรอยแยกตามถนนเป็นอุปสรรคสำหรับเจ้าปรอท"
2. ความราบรื่นในการปั่น
 การปั่นจักรยานเพื่อเดินทางนั้นผมคิดว่าความราบรื่นต่อเนื่องในจังหวะของการปั่นเป็นเรื่องที่สำคัญมาก โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องปั่นอยู่บนถนนที่มีการจารจรหนาแน่น บางครั้งรถต้องชะลอความเร็วลงแล้วก็ปั่นต่อเป็นอย่างนี้ตลอดเวลาซึ่งอาการปั่นๆหยุดๆทำให้หมดแรงง่ายๆ ดังนั้นความต่อเนื่องของจังหวะปั่นจึงมีความสำคัญและในส่วนนี้ตามความรู้สึกของผม เจ้าปรอทแม้นจะเบาในการออกแรงปั่นแต่เมื่อต้องชะลอความเร็วหรือต้องเบรคกระทันหันหรือตกหลุมหรือขึ้นเนินหรือพื้นถนนที่ขรุขระการเริ่มต้อนปั่นอีกครั้งจะมีจังหวะสะดุดดังแก๊กๆของบันไดปั่นเล็กน้อยแต่ก็ชดเชยมาด้วยการออกตัวได้อย่างนุ่มนวลและเบาแรงส่วนน้องฟ้าเมื่อเป็นเสือเกิดมาลุยการต้องหยุดแล้วออกตัวกระชากกดแรงปั่นขึ้นมาใหม่โดยสายเลือดของรถแนวนี้มันทำได้ต่อเนื่องไม่มีจังหวะสะดุดแต่ถึงจะไม่สะดุดจากการออกแรงกดบันไดหลังชลอความเร็วแต่การจะเริ่มออกตัวใหม่หากไม่สับลงเกียร์ต่ำจะมีความรู้สึกว่ามันหน่วงหนักขาเล็กน้อยแต่ในความรู้สึกหนักที่ขาบางครั้งมันก็สนุกและรู้สึกถึงพละกำลังของคุณดังนั้นหากคุณเป็นคนชอบความมันความท้าทายชอบอารมณ์แบบดิบๆน้องฟ้าน่าจะตอบโจทย์ได้ แต่ถ้าคุณชอบรถที่มันจะทยานออกตัวได้อย่างรวดเร็วต่อเนื่องและราบรื่นทำให้รู้สึกถึงรู้สึกสบายกับการปั่นโจทย์ตรงนี้เจ้าปรอทคือคำตอบของคุณ และด้วยอารมณ์ฟิลลิ่งในการปั่นที่ต่างกันแบบนี้ทำให้ผมมีความรู้สึกเลยว่านี่คือข้อแตกต่างอย่างหนึ่งของ Road bike กับ mountain bike
"ความราบรื่นและอัตราเร่งเจ้าปรอททำให้ผมเพลินเลย"


3. ความเร็วและอัตราเร่ง
แหมจะไม่พูดกันเรื่องความเร็วนี่อาจจะดูเหมือนขาดอะไรไป สำหรับรถทั้งสองคันของผมนี้ต่างกันแน่นอนโดยการปั่นจักรยานของผมๆจะใช้ความเร็วปกติเฉลี่ยที่20-25กม./ชั่วโมง โดยไม่ได้มองไปที่ความเร็วสูงสุดนะครับ(อย่าลืมว่าผมไม่ใช่นักปั่นขาแรง ผมมันแค่คนใช้จักรยานเป็นพาหนะเดินทางเท่านั้น) ซึ่งผมทดสอบโดยจับความรู้สึกจากการออกตัวและการส่งแรงปั่นเพื่อเร่งความเร็วซึ่งหลายคนคงไม่ต้องเดาก็พอจะทราบว่าเจ้าปรอทในฐานะเสือทางเรียบย่อมได้เปรียบในเรื่องความเร็วและอัตราเร่งอย่างแน่นอน ส่วนน้องฟ้าเป็นเสือภูเขาความเร็วจึงไม่ใช่แนวของมัน ข้อนี้หากใครชอบเรื่องความเร็วอัตราเร่งสปริ้นคงไม่ต้องคิดมากเพราะยังไงเสือทางเรียบย่อมปราดเปรียวกว่าเสือภูเขาแน่นอน

4. ความสบายขณะปั่น
แน่นอนครับการใช้จักรยานเป็นพาหนะเพื่อเดินทางย่อมต่างกับการใช้จักรยานปั่นเล่นในซอยหรือปั่นออกกำลังกาย เพราะการปั่นในการเดินทางบนถนนในเมืองมันมีความเครียดจากสิ่งแวดล้อมรอบๆตัวเช่น รถยนต์ที่วิ่งตามหลังเรามา มอเตอร์ไซด์ที่วิ่งสวนเลนออกมา พี่รถเมล์ พี่รถตู้ พี่แท๊กซี่ที่วิ่งปาดหน้าเราเพื่อรับผู้โดยสาร สภาพอากาศที่บางวันก็ร้อนอบอ้าวบางวันก็มีสายฝนโปรยปราย เสียงแตรรถยนต์ที่บีบไล่ซึ่งไม่รู้ไล่เราหรือไล่ใครที่ไหนเพราะบางครั้งเราไม่ได้ขวางทางเขาเลย จากสิ่งเหล่านี้ทำให้ผมรู้สึกว่าการปั่นจักรยานในเมืองเหนื่อยกว่าการปั่นจักรยานทางยาวๆนอกเมืองในระยะทางที่เท่าๆกัน ดังนั้นผมจึงชอบจักรยานที่มีท่านั่งที่สบายและไม่เมื่อล้าเวลาปั่นนานๆ ซึ่งในส่วนนี้ผมว่าน้องฟ้ากับเจ้าปรอทสำหรับผมไม่มีความรู้สึกที่แตกต่างมากนักอาจจะเพราะน้องฟ้าผมได้ไปติดมือพักเสริมมาทำให้สามารถเปลี่ยนท่าทางในการขับขี่ได้แต่ถ้าจับแฮนด์เดิมๆปั่นนานๆโดยไม่ใช่ที่พักเสริมอาการมือชาจะเป็นเรื่องปกติ ส่วนเจ้าปรอทด้วยความที่มีอารมณ์แบบทัวร์ริ่งทำให้มันมีท่าจับที่ค่อนข้างสบายเช่นกัน(แม้นดูจากรูปแล้วมันไม่น่าจะจับสบายนัก ...ฮา)โดยผมสามารถเปลี่ยนมุมจับได้หลายมุมทำให้อาการมือชาไม่ค่อยจะเกิด แต่หากผมต้องก้มตัวจับต่ำเพื่อหมอบหลบลมแล้วหรือจับอยู่ในท่าเดิมนานๆล่ะก็ผมจะมีอาการเจ็บที่อุ้งมือเพราะมีแรงกดลงที่ข้อมือค่อนข้างมากแม้นจะใส่ถุงมือแล้วก็ตามซึ่งผมคิดว่ามันอาจจะมาจากองศาของแฮนด์รถหรือพวกความยาวตัวถังหรือเพราะน้ำหนักตัวของผมด้วย(ฮา) โดยรวมการปั่นน้องฟ้าก็มีข้อเสียตรงที่ผมจะรู้สึกปวดขามากกว่าเจ้าปรอทอาจจะเป็นเพราะความไหลลื่นในการปั่นรวมถึงหน้ายางที่แคบกว่าและขนาดวงล้อที่ใหญ่ของเจ้าปรอททำให้เบาแรงกว่านั่นเอง

5. สถานะภาพขณะเดินทาง
การปั่นจักรยานในเมืองอย่างกรุงเทพผมว่ามันมีเรื่องของสภาพถนนและการจารจรที่เข้ามาเกี่ยวข้องกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย และยิ่งคุณต้องการใช้รถเพื่อเดินทางในชีวิตประจำวันแล้วด้วยผมว่าจุดนี้ล่ะครับที่จะตอบได้ว่าคุณควรใช้รถจักรยานแบบไหน เพราะเพื่อนๆที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพจะทราบว่าถนนในกรุงเทพไม่ได้ราบเรียบแต่มันเต็มไปด้วยร่องรอยแตกเล็กๆ รอยแยกนิดๆ รอยนูนหน่อยๆ พร้อมลูกเนินลูกระนาดซึ่งหากคุณขับรถยนต์คุณจะไม่รู้สึกอะไรกับร่องรอยเหล่านี้หรือรู้สึกแค่สะเทือนนิดหน่อยกับฝาท่อระบายน้ำที่คุณอาจจะรำคานเสียงดังแก๊งๆๆเวลาขับรถทับมัน แต่หากคุณปั่นจักรยานคุณจะรู้สึกว่ามันเป็นอะไรมากกว่านั้นเพราะร่องรอยเล็กๆพวกนั้นหรือเจ้าฝาท่อที่ส่งเสียงแก๊งๆๆเวลาขับรถทับมันอาจจะทำให้รถจักรยานคุณวงล้อคตเสียหลักล้มหัวทิ่มได้ซึ่งอันตรายมากหากมันเกิดขณะที่คุณกำลังปั่นอยู่บนถนนที่มีการจารจรหนาแน่นและมีรถยนต์วิ่งตามกันมาด้วยความเร็ว ดังนั้นจักรยานที่มีหน้ายางแคบและเล็กอย่างเจ้าปรอทบางครั้งอาจจะดูไม่เหมาะสักเท่าไหร่กับเมืองกรุงเมืองที่จักรยานตกท่อแบบนี้ ดังนั้นเมื่อผมต้องใช้เจ้าปรอทเดินทางในเมืองผมจึงต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้นเพราะไม่ใช่แค่จากรถที่วิ่งไปมาบนถนนแต่มันรวมถึงพื้นถนนที่ล้อจักรยานสัมผัสด้วย ส่วนของน้องฟ้าเรื่องท่อพื้นผิวถนนผมแทบจะหมดกังวลไปเลยเพราะหน้ายางที่กว้างทำให้มันสามารถวิ่งลุยผ่านรอยแตกรอยนูนได้อย่างง่ายดาย รวมถึงฝาท่อซึ่งมันสามารถลุยผ่านได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะร่วงลงไปในร่องของฝาท่อ แถมบางครั้งผมยังรู้สึกสนุกกับเนินหลุมต่างๆระหว่างการปั่นเจ้าน้องฟ้าเพราะมันได้กระโดดโลดเต้นข้ามสิ่งกีดขวางต่างๆโดยไม่ต้องกังวลว่ารถจะพังสำหรับผมแล้วอารมณ์แบบนี้มันสนุกมาก

"เส้นทางนี้ผมใช้น้องฟ้าปั่นฉลุยแถมมันส์อีกต่างหาก แต่เจ้าปรอทเจอนี่เข็นอย่างเดียว"
"หลุมขนาดนี้ไม่ใช่แค่จักรยานนะครับ มอเตอร์ไซด์ก็กลิ้งได้"


จากที่ผมรวบรวมมานี้มันอาจจะพอมีประโยชน์สำหรับเพื่อนๆที่สนใจการใช้จักรยานเป็นพาหนะเดินทางในชีวิตประจำวันจริงๆบ้าง และเพื่อนๆอาจจะนำข้อมูลเหล่านี้ไปเปรียบเทียบและตัดสินใจดูว่าเพื่อนๆชอบแบบไหน ชอบความเร็ว หรือชอบความแข็งแกร่ง ชอบความปราดเปรียวหรือความมั่นคง สำหรับตัวเองผมชอบทุกๆอารมณ์ในการปั่นจักรยานและอยากให้คนไทยออกมาใช้จักรยานเป็นพาหนะเดินทางกันอย่างจริงจัง ผมไม่อยากให้จักรยานมันเป็นแค่กระแสแฟชั่นที่รอวันล้มหายจืดจางไป


EZ noneny AD