"เติมน้ำมันให้จักรยาน"
เวลาที่ผมอ่านหนังสือหรือเปิดเวบไซด์ต่างๆและพบกับบทความแนะนำแหล่งท่องเที่ยวโดยการปั่นจักรยานไปเที่ยวที่นั่นที่โน่นไปตลาดนั้นตลาดนี้ไปปั่นสนามนั้นสนามนี้ผมเองก็เข้าใจว่าเขาต้องการเขียนข่าวเพื่อประชาสัมพันธ์สถานที่นั้นๆหรือเพื่อเหตุผลการค้าหรือเหตุผลอื่นๆก็ตามที แต่ผมไม่เข้าใจเลยว่าเวลาอ้างถึงจักรยานที่ใช้พลังงานมนุษย์ขับเคลื่อนทำไมต้อง "เติมน้ำมันให้จักรยาน"
เติมน้ำมันให้จักรยานผมว่าหลายๆคนอาจจะงงกับคำๆนี้ของผม เพราะจักรยานมันเป็นยานพาหนะที่ไม่ต้องเติมน้ำมันแค่เติมแรงของเราลงไปมันก็วิ่งได้แล้ว มันเหมือนขาของเราคือลูกสูบทำหน้าที่สูบพลังงานเพื่อขับเคลื่อนล้อรถจักรยานนั่นเอง แล้วทำไมเราต้องเติมน้ำมันให้จักรยาน หรือผมจะหมายถึงการเติมน้ำมันหยอดโซ่จักรยานหรือเปล่านะคำตอบก็คือไม่ใช่ครับ แต่มันเกี่ยวกับเรื่องความเข้าใจในเหตุผลที่นำมาอ้างกันแบบโลกสวยว่าฉันรักการปั่นจักรยาน ปั่นเพื่อสุขภาพ ปั่นเพื่อลดโลกร้อน ปั่นเพื่อรักษ์โลก ปั่นเพื่อลดคาร์บอนไดออกไซด์บลาๆๆๆ แล้วแต่คำอ้างสวยหรูที่เอามาใช้เอามาแชร์กัน แต่จริงๆมันใช่หรือเปล่า?
มาลองทำความเข้าใจกับความหมายของคำว่า "เติมน้ำมันให้จักรยาน" มันก็เริ่มมาจากเวลาที่เราบอกว่าเราไปปั่นจักรยานที่นั่นโน่นนี่ มันก็ต้องย้อนกลับครับว่า"ไปกันอย่างไร?" ลองทบทวนกันดูไหมครับ หลายครั้งที่ผมเห็นบทความหรือโพสต์ต่างๆในโลกออนไลน์มันจะเป็นลักษณะนี้ "ฉันไปปั่นจักรยานเที่ยวที่นั่นที่โน่นมานะ โอ๊ยสวยๆๆมากๆ เวลาปั่นแล้วมันรู้สึกสดชื่นเข้ากับธรรมชาติจัง ดีใจที่ได้เที่ยวด้วยพลังจากตัวเราเอง ปั่นจักรยานเที่ยวแบบนี้แล้วเป็นการช่วยกันอนุรักษ์ธรรมชาตินะจ๊ะ"...โอ๊ะๆๆๆหยุดก่อน!!จริงหรือครับ ใช่จริงหรือ ไม่โกหกตัวเองโกหกโลกนะ...เพราะผมเห็นหลายครั้งว่าผู้ที่ไปปั่นจักรยานแบบนั้นพวกเขาขับรถยนต์ไปตามสถานที่นั้นๆเอาจักรยานใส่ท้ายรถไปพอขับรถไปถึงก็จอดแล้วขนจักรยานลงมาปั่นแล้วก็เซลฟี่หน้าตัวเองก็อ้างว่านี่คือกิจกรรมปั่นเพื่อสุขภาพและอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม มันก็เหมือนหลายกิจกรรมจักรยานที่บอกมาปั่นลดโลกร้อนกันเถอะบลาๆๆๆ แต่สุดท้ายทั้งคนจัดงานทั้งคนไปร่วมงานทั้งสื่อมวลชนก็แห่กันขนจักรยานใส่รถยนต์เพื่อไปร่วมกิจกรรมและถ่ายภาพหมู่โดยพร้อมเพรียม (ฮา...ไม่ออกเลย)
ผมมีคำแนะนำสำหรับคนที่เป็นผู้ที่อยากอนุรักษ์การใช้พลังงานฟอลซิลจริงๆ ผู้ที่อยากลดคาร์บอนให้โลกใบนี้จริงๆ และผู้ที่อยากออกกำลังกายเพื่อสุขภาพจริงๆลองทำแบบนี้ดูครับถ้าคุณอยากไปเที่ยวที่ไหนถ้าไม่ไกลสามารถปั่นจักรยานไปได้ก็ให้ปั่นไปครับแต่ถ้าระยะทางมันไกลก็ต้องมาคำนวณกันผมจะยกตัวอย่างระยะทางประมาณ200กิโล ให้คุณลองถามตัวเองครับว่าคุณปั่นจักรยานได้ระยะทางเท่าไหร่โดยไม่หยุดและเริ่มรู้สึกเหนื่อย ยกตัวอย่างถ้าคุณปั่นได้ระยะทางต่อเนื่อง20กิโลจึงเริ่มเหนื่อย ก็ให้คุณปั่นแล้วพักทุกๆ20กิโลก็หมายความว่าระยะทาง200กิโลคุณจะพักประมาณ10ครั้ง แต่ถ้าคุณพลังเยอะสามารถปั่นยิงยาวๆแบบ40-50กิโลได้ ก็ไปพักที่ช่วงนั้น ซึ่งมันก็เท่านั้นเองในการปั่นจักรยานเที่ยววิธีการที่ผมแนะนำนี้ไม่ใช่วิธีการปั่นจักรยานแข่งขันนะครับแต่เป็นการปั่นจักรยานเที่ยวโดยให้คุณรู้จักการใช้แรงของคุณอย่างฉลาดเพื่อไม่ให้เหนื่อยและล้าเกินไป ส่วนอีกวิธีหากคุณบอกฉันไม่อยากปั่นไกลๆกว่าจะไปถึงหมดแรงหมดอารมณ์เที่ยวก็ลองใช้บริการขนส่งมวลชนครับจะใช้รถไฟ รถทัวร์ ก็ลองไปสถามเจ้าหน้าที่ว่ามีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ในการนำจักรยานไปด้วย เพราะถ้าคุณเที่ยวแบบนี้ไแบบนี้มันก็เป็นการลดการใช้พลังงานฟอลซิลแบบส่วนตัวได้จริงๆอย่างที่ปากคุณอ้าง
ส่วนผู้ที่ต้องการออกกำลังกายก็ไม่จำเป็นต้องเติมน้ำมันให้จักรยานโดยเอาใส่ท้ายรถไปปั่นตามสถานที่ต่างๆเพื่อเซลฟี่หน้าตัวเองหรอกครับ ปั่นแถวบ้านคุณนั่นล่ะแล้วถ้าคุณอยากจะออกกำลังกายจริงๆก็ลองหาเส้นทางปั่นในตรอกซอกซอยบริเวณที่พักของคุณโดยให้ระยะเวลาในการปั่นต่อเนื่องอย่างน้อยๆ30นาที เพราะน้อยกว่านี้มันไม่ช่วยเรื่องการเผาผลาญพลังงานอะไรแต่บางท่านอาจจะบอกว่าปั่นแถวบ้านมันไม่สนุกไม่มีอะไรน่าสนใจก็แนะนำว่าให้คุณปั่นและมองหาสถานที่ๆไม่เคยเข้าแวะดูสถานที่ๆปกติถ้าคุณขับรถยนต์คุณจะผ่านไปโดยไม่ได้สนใจมันแต่ตอนนี้เมื่อคุณปั่นจักรยานคุณก็ลองเข้าไปปั่นในส่วนนั้นดูและคุณอาจจะได้เห็นมุมมองใหม่ๆเรื่องราวใหม่ๆที่คุณอาจจะไม่เคยรู้เพียงแค่นั้นคุณก็ได้ปั่นออกกำลังกายได้เที่ยวและยังได้เซลฟี่หน้าตัวเองโดยวิวรอบข้างไม่ซ้ำซากกับใครๆ(ฮา)
การเอาจักรยานใส่รถยนต์แล้วขับไปตามสถานที่ต่างๆไปปั่นโชว์ ไปแค่รวมกลุ่มถ่ายภาพแล้วก็เอาจักรยานมาใส่รถขับกลับบ้านหรือขับไปเที่ยวไปสังสรรค์กันต่อ แบบนี้ล่ะครับที่ผมเรียกว่า"เติมน้ำมันให้จักรยาน"เพราะมันไม่ใช่การใช้จักรยานเป็นพาหนะเดินทางเพื่อลดการใช้พลังงานฟอลซิลอะไรทั้งนั้นแต่ก็แปลกที่เวลาถามผู้ที่หันมาปั่นจักรยานหลายๆครั้ง หนึ่งในคำตอบยอดเท่+ยอดฮิตก็คือ"ปั่นจักรยานเพื่อลดโลกร้อน เพื่อลดการใช้พลังงาน" แต่ในความเป็นจริงนอกจากพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้ช่วยลดภาระโลกร้อนหรือการใช้พลังงานฟอลซิลแต่พวกเขากลับเพิ่มภาระการใช้พลังงานเพิ่มมากขึ้นเพราะการบรรทุกรถจักรยานไปกับรถยนต์ถึงแม้นจะมีข้อโต้แย้งว่าจักรยานน้ำหนักเบาแต่การเพิ่มน้ำหนักบรรทุกโดยสิ่งของที่ไม่จำเป็นเท่ากับเป็นการเพิ่มภาระให้เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้นและใช้พลังงานมากขึ้น ขอร้องล่ะ อย่าใช้คำพูดที่สวนทางกับการกระทำเลยครับ
เวลาที่ผมอ่านหนังสือหรือเปิดเวบไซด์ต่างๆและพบกับบทความแนะนำแหล่งท่องเที่ยวโดยการปั่นจักรยานไปเที่ยวที่นั่นที่โน่นไปตลาดนั้นตลาดนี้ไปปั่นสนามนั้นสนามนี้ผมเองก็เข้าใจว่าเขาต้องการเขียนข่าวเพื่อประชาสัมพันธ์สถานที่นั้นๆหรือเพื่อเหตุผลการค้าหรือเหตุผลอื่นๆก็ตามที แต่ผมไม่เข้าใจเลยว่าเวลาอ้างถึงจักรยานที่ใช้พลังงานมนุษย์ขับเคลื่อนทำไมต้อง "เติมน้ำมันให้จักรยาน"
เติมน้ำมันให้จักรยานผมว่าหลายๆคนอาจจะงงกับคำๆนี้ของผม เพราะจักรยานมันเป็นยานพาหนะที่ไม่ต้องเติมน้ำมันแค่เติมแรงของเราลงไปมันก็วิ่งได้แล้ว มันเหมือนขาของเราคือลูกสูบทำหน้าที่สูบพลังงานเพื่อขับเคลื่อนล้อรถจักรยานนั่นเอง แล้วทำไมเราต้องเติมน้ำมันให้จักรยาน หรือผมจะหมายถึงการเติมน้ำมันหยอดโซ่จักรยานหรือเปล่านะคำตอบก็คือไม่ใช่ครับ แต่มันเกี่ยวกับเรื่องความเข้าใจในเหตุผลที่นำมาอ้างกันแบบโลกสวยว่าฉันรักการปั่นจักรยาน ปั่นเพื่อสุขภาพ ปั่นเพื่อลดโลกร้อน ปั่นเพื่อรักษ์โลก ปั่นเพื่อลดคาร์บอนไดออกไซด์บลาๆๆๆ แล้วแต่คำอ้างสวยหรูที่เอามาใช้เอามาแชร์กัน แต่จริงๆมันใช่หรือเปล่า?
มาลองทำความเข้าใจกับความหมายของคำว่า "เติมน้ำมันให้จักรยาน" มันก็เริ่มมาจากเวลาที่เราบอกว่าเราไปปั่นจักรยานที่นั่นโน่นนี่ มันก็ต้องย้อนกลับครับว่า"ไปกันอย่างไร?" ลองทบทวนกันดูไหมครับ หลายครั้งที่ผมเห็นบทความหรือโพสต์ต่างๆในโลกออนไลน์มันจะเป็นลักษณะนี้ "ฉันไปปั่นจักรยานเที่ยวที่นั่นที่โน่นมานะ โอ๊ยสวยๆๆมากๆ เวลาปั่นแล้วมันรู้สึกสดชื่นเข้ากับธรรมชาติจัง ดีใจที่ได้เที่ยวด้วยพลังจากตัวเราเอง ปั่นจักรยานเที่ยวแบบนี้แล้วเป็นการช่วยกันอนุรักษ์ธรรมชาตินะจ๊ะ"...โอ๊ะๆๆๆหยุดก่อน!!จริงหรือครับ ใช่จริงหรือ ไม่โกหกตัวเองโกหกโลกนะ...เพราะผมเห็นหลายครั้งว่าผู้ที่ไปปั่นจักรยานแบบนั้นพวกเขาขับรถยนต์ไปตามสถานที่นั้นๆเอาจักรยานใส่ท้ายรถไปพอขับรถไปถึงก็จอดแล้วขนจักรยานลงมาปั่นแล้วก็เซลฟี่หน้าตัวเองก็อ้างว่านี่คือกิจกรรมปั่นเพื่อสุขภาพและอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม มันก็เหมือนหลายกิจกรรมจักรยานที่บอกมาปั่นลดโลกร้อนกันเถอะบลาๆๆๆ แต่สุดท้ายทั้งคนจัดงานทั้งคนไปร่วมงานทั้งสื่อมวลชนก็แห่กันขนจักรยานใส่รถยนต์เพื่อไปร่วมกิจกรรมและถ่ายภาพหมู่โดยพร้อมเพรียม (ฮา...ไม่ออกเลย)
ผมมีคำแนะนำสำหรับคนที่เป็นผู้ที่อยากอนุรักษ์การใช้พลังงานฟอลซิลจริงๆ ผู้ที่อยากลดคาร์บอนให้โลกใบนี้จริงๆ และผู้ที่อยากออกกำลังกายเพื่อสุขภาพจริงๆลองทำแบบนี้ดูครับถ้าคุณอยากไปเที่ยวที่ไหนถ้าไม่ไกลสามารถปั่นจักรยานไปได้ก็ให้ปั่นไปครับแต่ถ้าระยะทางมันไกลก็ต้องมาคำนวณกันผมจะยกตัวอย่างระยะทางประมาณ200กิโล ให้คุณลองถามตัวเองครับว่าคุณปั่นจักรยานได้ระยะทางเท่าไหร่โดยไม่หยุดและเริ่มรู้สึกเหนื่อย ยกตัวอย่างถ้าคุณปั่นได้ระยะทางต่อเนื่อง20กิโลจึงเริ่มเหนื่อย ก็ให้คุณปั่นแล้วพักทุกๆ20กิโลก็หมายความว่าระยะทาง200กิโลคุณจะพักประมาณ10ครั้ง แต่ถ้าคุณพลังเยอะสามารถปั่นยิงยาวๆแบบ40-50กิโลได้ ก็ไปพักที่ช่วงนั้น ซึ่งมันก็เท่านั้นเองในการปั่นจักรยานเที่ยววิธีการที่ผมแนะนำนี้ไม่ใช่วิธีการปั่นจักรยานแข่งขันนะครับแต่เป็นการปั่นจักรยานเที่ยวโดยให้คุณรู้จักการใช้แรงของคุณอย่างฉลาดเพื่อไม่ให้เหนื่อยและล้าเกินไป ส่วนอีกวิธีหากคุณบอกฉันไม่อยากปั่นไกลๆกว่าจะไปถึงหมดแรงหมดอารมณ์เที่ยวก็ลองใช้บริการขนส่งมวลชนครับจะใช้รถไฟ รถทัวร์ ก็ลองไปสถามเจ้าหน้าที่ว่ามีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ในการนำจักรยานไปด้วย เพราะถ้าคุณเที่ยวแบบนี้ไแบบนี้มันก็เป็นการลดการใช้พลังงานฟอลซิลแบบส่วนตัวได้จริงๆอย่างที่ปากคุณอ้าง
ส่วนผู้ที่ต้องการออกกำลังกายก็ไม่จำเป็นต้องเติมน้ำมันให้จักรยานโดยเอาใส่ท้ายรถไปปั่นตามสถานที่ต่างๆเพื่อเซลฟี่หน้าตัวเองหรอกครับ ปั่นแถวบ้านคุณนั่นล่ะแล้วถ้าคุณอยากจะออกกำลังกายจริงๆก็ลองหาเส้นทางปั่นในตรอกซอกซอยบริเวณที่พักของคุณโดยให้ระยะเวลาในการปั่นต่อเนื่องอย่างน้อยๆ30นาที เพราะน้อยกว่านี้มันไม่ช่วยเรื่องการเผาผลาญพลังงานอะไรแต่บางท่านอาจจะบอกว่าปั่นแถวบ้านมันไม่สนุกไม่มีอะไรน่าสนใจก็แนะนำว่าให้คุณปั่นและมองหาสถานที่ๆไม่เคยเข้าแวะดูสถานที่ๆปกติถ้าคุณขับรถยนต์คุณจะผ่านไปโดยไม่ได้สนใจมันแต่ตอนนี้เมื่อคุณปั่นจักรยานคุณก็ลองเข้าไปปั่นในส่วนนั้นดูและคุณอาจจะได้เห็นมุมมองใหม่ๆเรื่องราวใหม่ๆที่คุณอาจจะไม่เคยรู้เพียงแค่นั้นคุณก็ได้ปั่นออกกำลังกายได้เที่ยวและยังได้เซลฟี่หน้าตัวเองโดยวิวรอบข้างไม่ซ้ำซากกับใครๆ(ฮา)
การเอาจักรยานใส่รถยนต์แล้วขับไปตามสถานที่ต่างๆไปปั่นโชว์ ไปแค่รวมกลุ่มถ่ายภาพแล้วก็เอาจักรยานมาใส่รถขับกลับบ้านหรือขับไปเที่ยวไปสังสรรค์กันต่อ แบบนี้ล่ะครับที่ผมเรียกว่า"เติมน้ำมันให้จักรยาน"เพราะมันไม่ใช่การใช้จักรยานเป็นพาหนะเดินทางเพื่อลดการใช้พลังงานฟอลซิลอะไรทั้งนั้นแต่ก็แปลกที่เวลาถามผู้ที่หันมาปั่นจักรยานหลายๆครั้ง หนึ่งในคำตอบยอดเท่+ยอดฮิตก็คือ"ปั่นจักรยานเพื่อลดโลกร้อน เพื่อลดการใช้พลังงาน" แต่ในความเป็นจริงนอกจากพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้ช่วยลดภาระโลกร้อนหรือการใช้พลังงานฟอลซิลแต่พวกเขากลับเพิ่มภาระการใช้พลังงานเพิ่มมากขึ้นเพราะการบรรทุกรถจักรยานไปกับรถยนต์ถึงแม้นจะมีข้อโต้แย้งว่าจักรยานน้ำหนักเบาแต่การเพิ่มน้ำหนักบรรทุกโดยสิ่งของที่ไม่จำเป็นเท่ากับเป็นการเพิ่มภาระให้เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้นและใช้พลังงานมากขึ้น ขอร้องล่ะ อย่าใช้คำพูดที่สวนทางกับการกระทำเลยครับ