วันพฤหัสบดีที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2558

ปัญหาการปั่นจักรยานกับสายฝน

เมื่อวันก่อนมีฝนตกหนักลงมา ผมเองไม่ได้รู้สึกกังวลใจอะไรมากนักกับฟ้าฝนเพราะจะปั่นจักรยานตากฝนหรือตากแดดมันไม่มีอะไรที่ต้องกังวลสำหรับผม อาจจะเพราะผมชินกับการที่เมื่อก่อนผมขี่รถมอเตอร์ไซด์ตากแดดโต้ฝนมาเป็นสิบปีมันจึงเป็นเรื่องธรรมดา แต่กับนักปั่นบางท่านที่ไม่เคยต้องตากแดดโต้ฝนมาก่อนอาจจะมีบ่นกันบ้าง แต่เชื่อไหมครับวันที่ฝนตกหนักผมปั่นจักรยานไปเรื่อยๆผ่านสายฝนไปช้าๆและมีคุณป้าสองท่านใช้จักรยานแม่บ้านปั่นไปกางร่มไปไม่มีเสียงบ่นจากป้าทั้งสอง แต่นักปั่นที่ชอบบอกว่าฉันคือเทพหลายคนแหกปากโวยวาย เห็นแล้วขำการจะเป็นเทพนี่มันลำบากจริงๆ ดังนั้นผมเลยขอยกตัวอย่างปัญหาที่ผมได้ยินมาเมื่อยามฝนตกให้ฟังว่าปัญหาไหนมันแก้ได้

ปัญหาที่หนึ่ง มันเปียก(ฮา) อันนี้เราคงนี้ไม่พ้นหรอกก็ฝนมันตกมันก็ต้องเปียกแน่ๆถึงจะใส่เสื้อกันฝนก็เหอะ มันก็ต้องมีส่วนที่เปียกไม่ว่าจะมือ แขน ขา หน้า เอาล่ะอย่าไปสนใจเลยถ้าเราจะปั่นจักรยานเพราะมันไม่มีหลังคาคลุมกันฝนเหมือนรถยนต์ดังนั้นถ้ากลัวเปียกมากนักก็อย่าปั่นนอนกอดจักรยานอยู่ที่บ้านก็ไม่มีใครตำหนิอะไร เห็นมั้ยล่ะปัญหานี้ตัดไปได้แล้ว

ปัญหาที่สองมันที่มากับสายฝนนอกจากเรื่องเปียกแล้วก็ยังมีเรื่องของลมที่บางครั้งมันก็แรงเอาเรื่อง ลมแรงๆที่มาพร้อมสายฝนเม็ดเป้งๆนี่ล่ะเจ็บแสบชะมัดยิ่งบวกกับความเร็วของจักรยานที่ปั่นฝ่าไปด้วยนี่ อูยยยย...สุดยอด แต่ก็บอกเลยว่ามันไม่แสบเท่าตอนขี่มอเตอร์ไซด์ลุยฝนแน่นอนเพราะไอ้แบบนั้นน่ะ โอย...โครตแสบ ดังนั้นเรื่องนี้ผมก็ทนได้(ฮา)

ปัญหาที่สาม น้ำใจ...ปัญหานี้มันแก้กันยากมากและเป็นปัญหาที่ผมในฐานะคนใช้จักรยานเดินทางในชีวิตประจำวันต้องเจอ ไม่ว่าวันนั้นฟ้าจะใสอากาศจะดีโครตๆหรือฝนจะตกกระหน่ำจนน้ำท่วมห้างแบบเมื่อวันก่อน เพราะปัญหาเรื่องน้ำใจของผู้ใช้รถบนถนนกับจักรยานมันทำให้ผมลำบากใจที่สุด ในที่นี้ผมไม่ได้หมายถึงผู้ใช้รถชนิดอื่นๆนิสัยแย่ฝ่ายเดียวนะครับ แต่ผมหมายถึงทั้งสองฝ่าย เพราะคนขี่จักรยานบางครั้งก็แย่และมีนิสัยห่วยแตกเห็นแก่ตัวและเข้าข้างตัวเองมากเสียจนน่ารำคานแม้นแต่ผมเองที่ใช้จักรยานก็ยังรังเกียจไอ้คนพวกนี้เลย

ดังนั้นสิ่งที่ผมคิดว่ามันคือปัญหาสำหรับการเดินทางด้วยจักรยานในชีวิตประจำวันของผมมันจึงไม่ใช่เรื่องของสภาพอากาศ เลนจักรยาน ที่จอดจักรยาน แต่มันมาจากนิสัยและพฤติกรรมการใช้ยานพาหนะของคนไทยต่างหาก การจะแก้ปัญหาของการใช้จักรยานให้ปลอดภัยไม่ใช่การสร้างเลนจักรยาน ทำแผนสวยหรูวิมานในอากาศ หรือการแหกปากโวยวายด่าทอฝ่ายโน้นฝ่ายนี้ แต่มันต้องแก้ที่พฤติกรรม แก้ที่ความเข้าใจในเรื่องกฎหมาย การเคารพสิทธิของกันและกัน เคารพสิทธิของสังคมที่มีทั้งพฤตินัยและนิตินัย ซึ่งเรื่องพื้นฐานจากจิตใจนี่ล่ะครับที่มันจะทำให้สังคมในการเดินทางสัญจรปลอดภัยจริงๆ เพราะถ้าแก้ไม่ได้ก็ไร้ความหมายเพราะคนพวกนี้ก็จะไม่เคารพกฏ ไม่มีมารยาท และไร้ระเบียบวินัย เหมือนที่ผ่านๆมานั่นล่ะ

ดังนั้นที่ผมใช้จักรยานเดินทางในชีวิตประจำวันผมจึงไม่เคยเรียกร้องให้มาสนใจ ผมแค่ขอให้เข้าใจกันก็พอแล้ว เพราะถ้าเราอยู่บนพื้นฐานของการเข้าใจกัน เอื้ออาธรกัน และแบ่งปันกัน สังคมนั้นก็จะไร้ปัญหาไปเอง




EZ noneny AD